เรียบเรียงโดย ยังโสด
การปวดไมเกรนนั้นเป็นอาการที่เป็นๆ หายๆ เกิดขึ้นได้กับคนช่วงวัยทำงานเป็นส่วนใหญ่ ที่ทำงานเป็นเวลานานๆ โดยไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวหรือขยับตัวไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ทำให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงศีรษะได้ไม่เพียงพอ โดยสถิติพบว่าผู้หญิงจะเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า
โดยผู้ป่วยประมาณ 60% จะปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง 35% จะปวดศีรษะสลับข้างไปมา ส่วนที่เหลือจะปวดศีรษะสองข้างพร้อมกัน และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย อาจมีอาการตาสู้แสงไม่ได้และไม่ชอบเสียงดัง อาการจะแย่ลงเมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ หากนอนพักอาการจะทุเลาลงหากไม่ได้รักษาอาการจะอยู่นาน 4-72 ชม.
การปวดไมเกรนช่วงมีประจำเดือน
ในช่วงวัยเด็ก ผู้หญิงกับผู้ชายจะมีโอกาสปวดไมเกรนใกล้เคียงกัน แต่พอเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ฮอร์โมนของร่างกายของผู้ชายและผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไป โดยผู้หญิงจะมีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งฮอร์โมนนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนกว่าจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนจึงจะเข้าสู่ภาวะคงที่
ก่อนมีประจำเดือน 1-3 วัน ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างเร็ว จะไปกระตุ้นทำให้ปวดไมเกรนได้ และอีกช่วงคือก่อนหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนจะไม่คงที่ ทำให้อาจปวดศีรษะไมเกรนได้ง่าย โดยพบว่าก่อนมีประจำเดือน 2 วันจนถึงประจำเดือนวันที่ 3 อาการปวดศีรษะจะรุนแรงมากกว่าและนานกว่าไมเกรนปกติ
ช่วงมีประจำเดือน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไมเกรนได้ถึง 2 เท่า
การหลีกเลี่ยงและลดอาการปวดไมเกรน
1. ตรวจเช็คอาการหรือพฤติกรรมที่ทำให้อาการกำเริบ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารผิดเวลา อดอาหาร โดนแสงจ้า เพ่งจอคอมนาน ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น โดยหากพบว่าสิ่งเร้าใดที่ทำให้เกิดอาการได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมนั้นๆ แต่หากเลี่ยงไมได้ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์
2. ทานยาแก้ปวดทันทีหลังจากรู้ว่ากำลังจะเกิดอาการ พักผ่อนในห้องเงียบๆ แสงน้อยๆ อากาศปลอดโปร่ง หยุดทำกิจกรรมทุกอย่างชั่วคราว ทานยาพาราเซตามอล ถ้าทานถูกช่วงเวลาช่วยลดอาการได้ 70-80% ในกรณีที่มีอาการปวดเฉียบพลัน ให้รักษาเหมือนกับไมเกรนทั่วไปเช่น ยาทริปแทน เป็นต้น
3. พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนให้ครบ 6-8 ชม. ไม่นอนดึกหรือนอนมากเกินไป
4. ใช้ถุงเจลแช่เย็น (Cold Pad) แปะบริเวณหน้าผากและเบ้าตา ควรนอนพักทันทีที่มีอาการ
ควรพบแพทย์ เมื่อมีอาการปวดศรีษะและมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่นมีไข้สูง ตาเห็นภาพซ้อน ตาเหล่ ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด อาการเหล่านี้คือมีความผิดปกติทางระบบประสาท หรือมีอาการปวดศีรษะที่ไม่เคยปวดมาก่อน เช่นปวดต่อเนื่องยาวนาน แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก พูดไม่ออก ควรพบแพทย์ทันที
หากชอบบทความนี้อย่าลืมกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเรา และกดแชร์แบ่งปันบทความดีๆ ให้เพื่อนๆ ด้วยนะจ๊ะ^^
ติดตามเราได้ที่:
Facebook fanpage: https://www.facebook.com/youngsoad
twitter: https://www.twitter.com/Youngsoad
instagram: https://www.instagram.com/youngsoad
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.gedgoodlife.com/health/442
https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/migraine-headaches-in-women
https://www.thaihealth.or.th/Content/31092